วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (Campaign for Popular Media Reform)

เหตุการณ์การเรียกร้องประชาธิปไตยของสังคมไทยในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535 นับเป็นที่มาของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่กล่าวถึงหลักการในการปฏิรูปสื่อของรัฐ

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่6

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ เดินทางมายังอาคารรัฐสภา เพื่อรายงานตัว การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วภายหลังที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ประกาศรับรองให้นายพนิช เป็น ส.ส.เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทั้งนี้นายพนิช ยังไม่สามารถร่วมลงผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ได้ เนื่องจากต้องปฏิญาณตนต่อรัฐสภาก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนายพนิช กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่าง เต็มที่ ภายหลังที่รอการรับรองมากกว่า 29 วัน อย่างไรก็ตาม ระหว่างการรายงานตัวอยู่นั้นก็มีเพื่อน ส.ส. จากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่แสดงความยินดีด้วยด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึง การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 กทม. ที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้ง ว่าขณะนี้ทาง กกต.ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง แต่เป็นการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งตามที่กฎหมายการเลือกตั้งกำหนด ภายใต้เรื่องที่มีการร้องเรียนว่า ต้องประกาศรับรองผล ภายใน 30 วัน ซึ่งวันนี้เป็นวันครบกำหนด ส่วนเรื่องที่มีการร้องเรียน 3 เรื่อง ของผู้สมัครนั้น ขณะนี้ยังอยู่ที่ทาง กกต.กทม.ดำเนินการตรวจสอบอยู่ และยังไม่ส่งเรื่องมายัง กกต.กลาง

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวประจำสัปดาห์ที่ 5


ไอฮับฯชี้ไทยฮิต เฟซบุ๊ค ปลุกโฆษณาออนไลน์แรง

"ไอฮับ มีเดีย" ชี้ กระแสนิยมเฟซบุ๊คดันแนวโน้มธุรกิจลงทุนโฆษณาออนไลน์โตเท่าตัว ทั้งคนไทยฮิตเล่นดันยอดพุ่ง 4.5 ล้านรายใน 1 ปี"ไอฮับ มีเดีย" ชี้ กระแสนิยมเฟซบุ๊คดันแนวโน้มธุรกิจลงทุนโฆษณาออนไลน์โตเท่าตัว เชื่อเป็นสื่อสองทาง-วัดผลได้ ทั้งคนไทยฮิตเล่นดันยอดพุ่ง 4.5 ล้านรายใน 1 ปี โดดตั้งสำนักงานย่อยแห่งที่ 7 ในเอเชีย จับตลาดบิ๊กแบรนด์ คาดดันรายได้โตเป็นตัวเลข 2 หลักนายจอร์จ ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไอฮับ มีเดีย จำกัด พันธมิตรด้านการขายโฆษณาบนเฟซบุ๊ครายเดียวในเอเชียมีสำนักงานใหญ่สิงคโปร์ กล่าวว่า กระแสนิยมใช้เครือข่ายสังคม "เฟซบุ๊ค" ของทั่วโลกกำลังกระตุ้นให้ตลาดโฆษณาออนไลน์โตเป็นเท่าตัว ซึ่งคาดว่าในภูมิภาคเอเชียจะมีอัตราการลงทุนโฆษณาออนไลน์คิดเป็นสัดส่วน 2% ของสื่อทั้งหมด และมีแนวโน้มขยายเป็นเท่าตัวจากนี้ขณะเดียวกัน ผลสำรวจทั่วโลกยังพบว่า เฟซบุ๊คยังเป็นเว็บยอดนิยมอันดับ 2 ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด รวมทั้งในไทย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มจาก 2 แสนรายเมื่อต้นปี 2552 เป็น 4.5 ล้านรายในปัจจุบัน หรือเป็นอันดับที่ 16 ของโลก โดย 72% อยู่ในวัย 18-34 ปี
"เฟซบุ๊คต่างกับโฆษณาออนไลน์อื่นๆ เพราะเป็นการสื่อสารสองทางที่ผู้รับสื่อสามารถคอมเมนท์ หรือติดต่อกับเจ้าของเว็บ หรือเจ้าของสินค้าได้ทันที ซึ่งเราเชื่อว่าการทำโฆษณาบนเฟซบุ๊คจะถือเป็นคู่แข่งกับตลาดโฆษณาแอด เวิร์ดส์ ของกูเกิล แต่บนเฟซบุ๊คยังสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงจากโพรไฟล์ ทาร์เก็ตติ้ง และวัดผลได้ดีกว่า"พร้อมกับเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ตัดสินใจตั้งสำนักงานย่อยในไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้น เดือนพ.ค. 2553 ถือเป็นสำนักงานแห่งที่ 7 ในภูมิภาค โดยมีพนักงานช่วงเริ่มต้น 2 คนเพื่อรองรับการขยายตลาดโฆษณาออนไลน์ในไทย โดยเน้นพื้นที่การขายบนเฟซบุ๊ค ซึ่งบริษัทจะให้บริการพื้นที่โฆษณาระดับพรีเมียมบนหน้าแรกของเว็บ (โฮมเพจ แอด) เพิ่มเติมจากแพลตฟอร์มปกติของเฟซบุ๊คที่จะมีพื้นที่ให้ซื้อโฆษณาในพื้นที่ เว็บด้านใน (แอด สเปซ ยูนิต)ทั้งนี้ ช่วงเริ่มต้นยังไม่มีบริการครอบคลุมถึงการผลิตชิ้นโฆษณา แต่จะให้บริการเฉพาะพื้นที่ซึ่งจะคิดค่าบริการ 4 ดอลลาร์ต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง (ซีพีเอ็ม) โดยต้องใช้บริการขั้นต่ำ 1.2 หมื่นดอลล์ต่อเดือน (ราว 4 แสนบาท) ซึ่งผู้ใช้สามารถสร้างโฆษณาในรูปแบบวีดิโอความยาว 3 นาที หรือเป็นโฆษณาในรูปแบบโพลล์สำรวจ หรือ อีเวนท์ แอดได้จากปกติเป็นแบนเนอร์ธรรมดาขณะเดียวกันก็จะมีบริการเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ต้องการให้ไอฮับดูแลโฆษณา ในส่วนแอด สเปซ ยูนิต ซึ่งจะคิดค่าบริการเฉลี่ย 0.30 ดอลลาร์ต่อคลิก พร้อมรายงานผลให้เป็นรายสัปดาห์และรายเดือนนอกจากนี้ ก็ยังมีบริการ "โฮมเพจ รีช บล็อก" ซึ่งเป็นบริการกระตุ้นจำนวนแฟนเพจแบบรายวัน สำหรับธุรกิจที่ต้องการมีฐานแฟนเพจจำนวนมากๆ โดยคิดอัตรา 7,000 ดอลลาร์ต่อวันเขาระบุว่า ในช่วงเริ่มต้นจะทดลองการตอบรับของตลาด ซึ่งจะเน้นลูกค้าเป้าหมายในกลุ่มสินค้าบิ๊กแบรนด์ โดยหลังเริ่มทดลองทำตลาดมีผู้ใช้บริการแล้ว 4 รายใหญ่ ในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ แอลกอฮอล์ และ กีฬา เช่น สเมอร์นอฟ และพีแอนด์จี ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโตในเชิงรายได้เป็นตัวเลข 2 หลัก แต่ไม่เปิดเผยตัวเลขที่มาhttp://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20100730/345768/ไอฮับฯชี้ไทยฮิต-เฟซบุ๊ค-ปลุกโฆษณาออนไลน์แรง.html

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลดภาววโลกร้อน

วิธีลดภาวะโลกร้อน
August 16th, 2008 | Author: admin
การลดภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันทำ เราทุกคนก็ต่างมีส่วนที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะเพียงแค่เราหายใจอยู่เฉยๆก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแล้ว ยังไม่รวมถึงกิจกรรมต่างๆมากมายที่เราทำอยู่ทุกๆวัน ถึงเวลาที่เราต้องเลิกคิดว่าภาวะโลกร้อนไม่ใช่ธุระของเรา แล้วหันมาร่วมมือกัน..มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาโลกร้อนกันเถอะ

ถ้าท่านคิดว่าการลดภาวะโลกร้อนนั้นมันทำได้ยาก หรือคิดว่าท่านคนเดียวช่วยโลกไม่ได้ หรือว่าจะทำตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว ท่านกำลังคิดผิด!! ทุกอย่างที่เราทำจะส่งผลดีต่อโลก และมันยังมีเวลาอยู่ ถ้าไม่เริ่มที่ตัวเราก่อนก็ไม่รู้จะให้ไปเริ่มจากตรงไหน แค่เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของเราทำอยู่ในวันๆหนึ่ง ก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ผมจะยกตัวอย่างให้ดูซัก 10 ข้อ ผมเชื่อว่ามันใกล้ตัวทุกท่านมาก และสามารถลงมือทำได้เลยด้วยซ้ำ

1. ปรับ Desktop Wallpaper ของท่านให้เป็นสำเข้ม ยิ่งเป็นสีดำเลยยิ่งดี เพราะว่ามันจะประหยัดไฟมากกว่า รวมไปถึง Screen Saver ก็ให้ตั้ง Blank ไว้ มันจะเป็นหน้าจอดำสนิท ปิดคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน เช่น ตอนพักเที่ยง และตอนกลับบ้าน

2. พกผ้าเช็ดหน้า แทนที่จะใช้กระดาษทิชชู สมัยนี้มีกระดาษทิชชูห่อสวยๆพกง่ายๆออกมา หลายคนใช้มันแทนผ้าเช็ดหน้า เพราะว่ามันสะดวกและห่อมันก็น่ารักด้วย แต่กระดาษทิชชูผลิตมาจากต้นไม้ ยิ่งใช้มากก็ยิ่งต้องตัดมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าดีกว่าครับ เก็บต้นไม้ไว้เป็นปอดให้กับโลกเราบ้างเถอะนะ

3. การชาร์ตแบตมือถือ การชาร์ตแบตมือถือของคนทั่วๆไปเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ถึง 95% เพราะว่ามักจะเสียบสายค้างไว้ทั้งๆที่แบตเต็มแล้ว ท่านรู้ไหมว่าถึงแบตจะเต็มแล้วแต่ว่าถ้าไม่ถอดออกมันก็จะยังกินไฟอยู่ ฉะนั้นเวลาแบตเต็มแล้วก็ให้ถอดสายออก แต่ถ้ายังเสียบหม้อแปลงกับเต้าเสียบค้างไว้มันก็ยังกินไฟอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ให้ถอดออกให้หมด

4. ประหยัดน้ำ อย่าใช้น้ำแบบสิ้นเปลือง ถ้ามีโอกาสได้เปลี่ยนก๊อกที่บ้าน ก็ให้ใช้ก๊อกน้ำแบบเพิ่มฟองอากาศ น้ำที่ไหลออกมาจะมีฟองอากาศออกมาด้วยทำให้ดูเหมือนมีน้ำเยอะ แต่จะประหยัดกว่าก๊อกธรรมดาถึงครึ่งหนึ่ง ถ้านึกไม่ออกให้ดูห้องน้ำตามห้าง น้ำที่ไหลออกมาจะเป็นแบบนั้น และเวลาใช้น้ำที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเราก็ควรจะประหยัดด้วย ไม่ใช่คิดว่าของฟรี หรือเวลาไปพักตามโรงแรมก็อย่าคิดว่าใช้ให้คุ้ม เพราะว่าทำแบบนี้แหละโลกถึงร้อน

5. ประหยัดไฟ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้และถอดปลั๊กด้วย รวมไปถึงหลอดไฟด้วย ถ้ามีโอกาสก็เปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดไฟ CFL ซะ ที่มันเป็นเกลียวๆ ถึงหลอดพวกนี้จะแพงกว่า แต่ก็ประหยัดไฟกว่ามาก แถมอายุการใช้งานก็ยาวกว่าเยอะ ซึ่งในระยะยาวก็จะคุ้มกว่าแน่นอน

6. ลดใช้ถุงพลาสติก ถุงพลาสติกทำให้เราสะดวกขึ้นก็จริง แต่มันเป็นภัยต่อโลกอย่างมากมาย กว่าถุงที่เราใช้จะย่อยสลายไป ตัวเรานั้นย่อยสลายก่อนมันไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้ แต่ถ้าต้องใช้จริงๆก็ให้เก็บไว้เพื่อนำไปใช้ครั้งต่อไปได้อีก เวลาจ่ายตลาดก็ให้ใช้ถุงผ้าแทน ถุงผ้าสวยๆก็มีออกมาขายกันเยอะแยะ

7. ลดอาหารแช่แข็ง อาหารแช่แข็งตอนนี้กำลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ และก็เห็นมีคนนิยมบริโภคมากขึ้นเหมือนกัน แต่ท่านรู้ไหมว่าขั้นตอนการผลิตนั้นทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก เพราะว่ากล่องที่ใส่ก็เป็นพลาสติก ขั้นตอนในการขนส่งก็ต้องเก็บไว้ในที่เย็นตลอดเวลา รวมไปถึงตอนที่อยู่ในร้านด้วย แม้กระทั่งตอนจะกินยังต้องใช้พลังงานในการอุ่นอีก เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็อย่ากินเลยครับ มันสิ้นเปลืองพลังงาน กินของสดอร่อยกว่าอีก

8. ใช้จักรยาน เวลาที่ท่านไปทำธุระใกล้ๆบ้าน อาจจะไปซื้อของ จ่ายตลาด นอกจากจะประหยัดน้ำมันในยุคที่น้ำมันแพงแล้ว ยังช่วยให้ท่านได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ไม่ต้องไปเสียเงินเข้าฟิตเนสแพงๆ

9. ลดการ Shopping หลายคนนั้นการ Shopping เป็นอะไรที่มีความสุขเหลือเกิน แต่ก็ขอให้ลดการซื้อแบบสิ้นเปลืองลงบ้าง บางทีก็ซื้อๆไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็ได้ใส่แค่ครั้งสองครั้ง บางชิ้นอาจไม่ได้ใส่ด้วยซ้ำ แต่อยากซื้อ..อะไรที่คิดว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อหรอกครับ เอาแค่อันที่เราจะใส่จริงๆ เพราะว่ามันต้องใช้พลังงานมากมายในอุตสาหกรรมพวกนี้

10. ปลูกต้นไม้ ผมว่ามนุษย์ทุกคนชอบธรรมชาติ เวลาที่เราได้เห็นสถานที่ที่มีธรรมชาติงดงาม ไม่ว่าจะเป็นป่าไม่ที่เขียวชอุ่ม น้ำใสๆ ชายหาดที่ขาวสะอาด เราจะรู้สึกสบายใจและชอบมัน แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้ช่วยกันรักษามัน เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลาก็ให้ช่วยกันปลูกต้นไม้ อาจจะเป็นที่สวนหน้าบ้านได้ หรือมีเนื้อที่ตรงไหนก็ปลูกตรงนั้น ใส่กระถางไว้ก็ได้ นอกจากจะทำให้บ้านดูสวยขึ้นแล้ว ยังจะช่วยลดก๊าซพิษในอากาศได้อีกด้วย

ผมเชื่อว่า 10 วิธีที่ผมยกตัวอย่างมานี้ ต้องมีมากกว่าหนึ่งข้อที่คุณสามารถทำได้ คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อ แต่ยิ่งทำมากก็ยิ่งดี แค่นี้คุณก็จะได้มีส่วนในการช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว ส่วนจะทำมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของแต่ละคน และสุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่าในโลกนี้ไม่มีความสำเร็จไหนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ มีแต่ความสำเร็จเล็กๆที่รวมกันขึ้นมา จนสามารถกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นอย่านึกว่าสิ่งเล็กๆเหล่านี้ที่เราทำมันไม่มีความหมายนะครับ